มะเร็งตับโรคร้ายใกล้ตัว อาการแบบไหนที่บ่งชี้เสี่ยงเป็นมะเร็งตับ

ศูนย์ : ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

บทความโดย : นพ. สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์

มะเร็งตับ

เมื่อมีอาการของโรคมะเร็งตับเกิดขึ้น เช่น ปวดท้อง ท้องอืด แน่นอึดอัดท้อง ไม่อยากรับประทานอาหาร มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะ อาหารไม่ย่อยบ้าง หรือโรคถุงน้ำดีอักเสบบ้าง จนไม่ทันได้ระวังและปล่อยให้โรคดำเนินต่อไปเมื่อโรคพัฒนาจนถึงระยะกลางและระยะสุดท้าย จึงจะสามารถเห็นอาการได้ชัดเจน และในเวลานั้นมักจะสูญเสียโอกาสในการรักษา และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้การสังเกตอาการด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก รวมทั้งการเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเพราะมะเร็งตับระยะแรกหากได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพก็สามารถยืดการมีชีวิตอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้นได้


มะเร็งตับ คืออะไร?


มะเร็งตับคืออะไร มะเร็งตับคืออะไร

มะเร็งตับ คือ โรคมะเร็งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ตับปกติให้กลายเป็นเซลล์มะเร็ง เซลล์เหล่านี้จะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วและควบคุมไม่ได้ จนก่อตัวเป็นก้อนเนื้อในตับ และอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น เช่น ปอดหรือกระดูก มะเร็งตับมักเกิดกับคนที่มีโรคตับเรื้อรัง เช่น ไขมันพอกตับ ตับแข็ง หรือไวรัสตับอักเสบบี ซี ในระยะแรกมักไม่มีอาการ ทำให้ผู้ป่วยมักรู้ตัวเมื่อโรคลุกลามแล้ว มะเร็งตับเป็นโรคที่ป้องกันได้ ถ้ารู้จักดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อย่ารอให้มีอาการ ควรตรวจเช็กร่างกายโดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูง

> กลับสารบัญ


มะเร็งตับแบ่งออกเป็นกี่ชนิด?

มะเร็งตับ เป็นมะเร็งที่พบในอันดับต้น ๆ ของโรคมะเร็งที่เกิดในผู้ชายไทย โดยมักพบในคนอายุ 30-70 ปี และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2-3 เท่า เนื่องจากเพศชายมีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง โดยโรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ โดยสามารถแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

  • มะเร็งตับชนิดเซลล์ตับ เป็นโรคมะเร็งที่เกิดขึ้นในเนื้อตับและพบได้มากที่สุด ซึ่งเกิดจากเซลล์ตับที่มีการเจริญเติบโตผิดปกติจนกลายเป็นเนื้องอกร้าย
  • มะเร็งตับชนิดท่อน้ำดี เป็นเนื้องอกที่เกิดจากเซลล์บุท่อน้ำดีเจริญเติบโตผิดปกติ สาเหตุมาจากโรคพยาธิใบไม้ในตับ พบได้บ่อยทางภาคอีสาน รวมถึงการรับประทานอาหารบางชนิดที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น สารดินประสิวที่มีอยู่ในอาหารประเภทหมัก และอาหารจำพวกรมควัน เป็นต้น

> กลับสารบัญ


สาเหตุการเกิดมะเร็งตับ

มะเร็งตับเกิดจากอะไร สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งตับในประเทศไทย คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางเลือด การติดจากแม่ไปสู่ลูกในครรภ์ ทางเพศสัมพันธ์ เมื่อเชื้อไวรัสเข้าไปอยู่ในเซลล์ตับก็สามารถกลายเป็นตับอักเสบเรื้อรังหรือกลายเป็นพาหะติดต่อผู้อื่นได้โดยตัวเองไม่มีอาการ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้กลายเป็นมะเร็งตับได้ ได้แก่

  • มะเร็งตับ เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานาน
  • ภาวะตับแข็งจากทุกสาเหตุไม่ว่าจะจากแอลกอฮอล์หรือไวรัสตับอักเสบ
  • สารพิษที่ปนเปื้อนอยู่ในถั่วลิสง พริกแห้ง กระเทียม ธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งมาจากเชื้อราที่มีสารอะฟลาทอกซิน

> กลับสารบัญ


ปรึกษาแพทย์ออนไลน์

อาการของผู้ป่วยมะเร็งตับ


อาการมะเร็งตับ อาการมะเร็งตับ

ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งตับในแต่ละรายอาจมีอาการแสดงแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการมะเร็งตับระยะแรกจนกว่าก้อนมะเร็งจะโตขึ้น และมีอาการแน่นอึดอัดท้อง เหมือนอาหารไม่ย่อย บางรายมีอาการคล้ายกับโรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือมีอาการปวดชายโครงด้านขวา บริเวณตับ และเมื่อมะเร็งมีก้อนที่โตเพิ่มขึ้นอีก จะมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องโต ท้องบวมขึ้น มีน้ำในช่องท้อง นอกจากนี้มะเร็งตับ อาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดหรือเสียวชายโครงด้านขวา มีจุกเสียดแน่นท้อง
  • อาจปวดร้าวไปยังไหล่ขวาหรือใต้สะบักด้านขวา
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม มีขาบวม
  • มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • คลำพบก้อนที่บริเวณตับ
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็งที่ต้องระวัง : มะเร็งลำไส้

> กลับสารบัญ


มะเร็งตับมีกี่ระยะ?

มะเร็งตับแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก โดยอิงจากขนาดของก้อนเนื้อ จำนวนก้อนในตับ การลุกลาม และการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น โดยสรุปได้ดังนี้

  • ระยะที่ 1: มะเร็งตับมีขนาดเล็ก และยังไม่แพร่กระจายไปยังหลอดเลือด ต่อมน้ำเหลือง หรืออวัยวะอื่น ๆ
  • ระยะที่ 2: มะเร็งตับมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือมีหลายก้อนในตับ หรือมีการลุกลามไปยังหลอดเลือดในตับ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ
  • ระยะที่ 3: มะเร็งตับมีการลุกลามไปยังหลอดเลือดหลักของตับ หรือมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไป
  • ระยะที่ 4: มะเร็งตับได้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลจากตับ เช่น ปอด กระดูก หรือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป

> กลับสารบัญ


การตรวจและวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ

เบื้องต้นจะทำการซักประวัติ และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจอื่น ๆ ได้แก่

  1. การตรวจเลือดในห้องปฏิบัติการ ได้แก่
    • ตรวจหาค่าการทำงานของตับ ได้แก่ ค่า SGPT (ALT), SGOT (AST), ALP (Alkaline phosphatase) ที่ผิดปกติ
    • การตรวจหาภูมิ และเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
    • ตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งตับ (AFP)
  2. การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen) เป็นการตรวจดูตับ ตับอ่อน ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หรือมีก้อนที่ผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณอวัยวะใดหรือเปล่า
  3. การตรวจด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (FibroScan) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ทางการแพทย์ที่ช่วยประเมินปริมาณไขมันในตับรวมถึงระดับพังผืดและตับแข็งได้โดยที่ผู้ป่วยไม่เจ็บตัว ใช้เวลาไม่นาน
  4. การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือบางครั้งอาจใช้การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อช่วยในการวินิจฉัย
  5. การตรวจชิ้นเนื้อตรงตำแหน่งก้อนเนื้อ (Biopsy)

> กลับสารบัญ


วิธีการรักษามะเร็งตับ


การรักษามะเร็งตับ การรักษามะเร็งตับ

การรักษามะเร็งตับจะขึ้นกับสภาวะความรุนแรงของโรค ขนาดและลักษณะของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคและการแพร่กระจายของมะเร็ง รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษา ได้แก่

  • การผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก ถ้าอยู่ในระยะที่สามารถผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกได้ ก็จะใช้วิธีการผ่าตัดหรือการปลูกถ่ายตับ
  • การรักษาด้วยความร้อนจากคลื่นความถี่วิทยุสูง (RFA) โดยคลื่นดังกล่าวจะส่งผ่านเข็มเล็ก ๆ ที่แทงผ่านเข้าไปในก้อนมะเร็งในตับ ซึ่งได้ผลดีในมะเร็งตับที่เล็กกว่า 3 เซนติเมตร
  • วิธีฉีดยาเคมีบำบัด เป็นการฉีดยาเข้าไปยังเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงตับ ซึ่งเราเรียกว่า TACE หรือ TOCE จะใช้รักษามะเร็งตับในระยะโรคที่ก้อนมีขนาดใหญ่มากหรือมีหลาย ๆ ก้อน เช่น 3-5 ก้อนขึ้นไป

> กลับสารบัญ


วิธีป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับ

การป้องกันโรคทำได้ โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน รวมไปถึงผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีด ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน เป็นต้น

> กลับสารบัญ


มะเร็งตับ อย่ารอให้มีอาการ ควรตรวจเช็กร่างกาย

หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับ รับการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติ เช่น การตรวจเลือด ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี หรือการตรวจหาภาวะไขมันพอกตับ ภาวะตับแข็งที่จะนำไปสู่การเป็นมะเร็งตับ ด้วยเครื่องไฟโบรสแกน (FibroScan) โดยศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน พร้อมให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และรักษาครอบคลุมทุกปัญหาโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ให้บริการแบบ One Stop Service ครบวงจรในที่เดียว พร้อมด้วยห้องทำหัตถการส่องกล้องทางเดินอาหาร ห้องเตรียมลำไส้ ห้องพักฟื้น และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครันในที่เดียว เพราะเมื่อพบรอยโรคได้เร็ว ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับลงได้

> กลับสารบัญ


ช่องทางติดต่อโรงพยาบาลนครธน:

  1. - Website : https://www.nakornthon.com
  2. - Facebook : Nakornthon Hospital
  3. - Line : @nakornthon
  4. - Tel: 02-450-9999 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


ปรึกษาทุกปัญหาสุขภาพแบบออนไลน์
ไม่เสียค่าใช้จ่าย




Share :

สินค้าในตระกร้าไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข, กรุณาตรวจสอบจำนวน
จัดการตระกร้าสินค้า

เมื่อคลิก “อนุญาตคุกกี้ทั้งหมด” หมายความว่าผู้ใช้งานยอมรับที่จะเปิดการใช้งานคุกกี้เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเปิดใช้คุณสมบัติของโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าใช้งานเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการทำการตลาดและการโฆษณา รวมถึงการแบ่งปันข้อมูลการใช้งานกับพาร์ทเนอร์โซเชียลมีเดีย